ย้อนอดีตลูกหนังอังกฤษไปกับสปอนเซอร์บนเสื้อทีม

เมื่อพูดถึงฟุตบอลผมเชื่อว่าในหัวของใครหลายๆคน คงคิดถึงทีมที่ตัวเองเชียร์ใช่ไหมครับ? และผมเชื่อว่ามีคนมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์คิด จะคิดถึงทีมในเกาะอังกฤษ หรือ พรีเมียร์ลีก นั้นเอง

พรีเมียร์ลีก เป็นลีกระดับสูงสุดของประเทศอังกฤษ เป็นลีกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลีกชั้นนำของโลก แน่นอนยิ่งถ้ามีผู้คนสนใจมาก ทุกๆอย่างมันก็คือธุรกิจ และแน่นอนว่าทุกอย่างต้องใช้เงิน  วันนี้เรา BallTeng88 จะพาทุกท่านมาดูประวัติสปอนเซอร์ของแต่ละทีมในพรีเมียร์ลีก ผ่านลายเสื้อคาดอกบนทีม ที่ไม่ได้เป็นแค่ช่องทางการหาเงินของทีม แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าแต่ละยุคสมัย มีความนิยมอะไรกัน?

 ยุค 1992 การปะทะกันของ 2 ฝ่าย

 

เสื้อทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่สนับสนุนโดย SHARP

ย้อนกลับไปต่อ 1992 ที่มีการแข่งพรีเมียร์ลีกเกิดขึ้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ฟุตบอลในยุค 1980 ที่จริงเกิดจากชนชั้นแรงงานในประเทศอังกฤษ และเมื่อมีการแข่งพรีเมียร์ลีกนั้นหมายถึง การขยายกลุ่มคนดู จากที่มีแค่ชนชั้นแรงงาน ก็กลายเป็นทุกเพศทุกวัย นั้นเลยทำให้คนสนใจพรีเมียร์ลีกมากยิ่งขึ้น เลยทำให้นายทุนจากต่างชาติ หรือ คนที่รวย มาสปอนเซอร์ให้ ถ้าจะถามว่ามันดีไหม? ต้องดูว่าเราถามใคร ถ้าเราถามทางทีมก็คงจะตอบว่า “ดี” แต่ในสมัยนั้นก็ยังมีคนแรงงานในอังกฤษที่ต่อต้านทุนนิยม เพราะสมัยก่อน ทีมฟุตบอลจะหารายได้จากการ นำบริษัทขายเบียร์ที่ตัวเองทำมาสปอนเซอร์  นั้นเลยทำให้วงการลูกหนังในอังกฤษแยกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน ถ้าเป็นที่หัวทุนนิยม ก็จะเป็นสปอนเซอร์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าซะส่วนใหญ่

ไม่ว่าจะเป็น SAHRP ของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, Brother ของ แมนเชสเตอร์ซิตี้, Commodore ของ เชลซี และทีมอื่นๆ รวมกันเป็น 7 ทีมที่อยู่ในฝั่งนี้ และส่วนมากเป็นทีมระดับต้นๆของลีก  ส่วนในด้านของหัวอนุรักษ์ คือทีมที่พยายามจะเชื่อมโยงตัวเองกับชนชั้นแรงงานอยู่ ด้วยการสร้างบริษัทเบียร์ หรือบ้างทีจะมาในรูปแบบเครื่องดื่มชูกำลัง และเอาบริษัทนั้นมาสปอนเซอร์ทีมตัวเอง เพื่อที่จะให้ความสำคัญของชนชั้นแรงงาน และไม่ลืมรากเง้าตัวเองว่ามาจากไหน ทีมที่อยู่ในหมวดนี้ได้แก่ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ลิเวอร์พูล, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์  นอกจากนี้ยังมีทีมที่นำบริษัทที่ทำในท้องถิ่น มาสปอนเซอร์ทีมตัวเองอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ควีนปาร์ค เรนเจอร์, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, นอริช ซิตี้ เป็นต้น ทำให้เห็นว่าแม้ฟุตบอลจะกลายเป็นทุนนิยมแค่ไหน แต่ฟุตบอลก็ยังต้องเชื่อมโยงกับรากเง้าที่เกิดจากชั้นชนแรงงานของตัวเอง เพราะว่าบางทีมยังคงต้องอาศัย แฟนคลับท้องถื่นของตัวเองเป็นหลัก

เสื้อทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่สนับสนุยโดย MSEWANS

ยุค 1997 เปลี่ยนผ่าน

 

เสื้อทีมเชลซี ที่สนับนสนุนโดย Autoglass

5 ปีหลังจากกำเนิดพรีเมียร์ลีก เราจะเห็นได้ว่า ธุรกิจระดับโลกในช่วงนั้นเริ่มให้ความสนใจหันมาเป็นสปอนเซอร์มากขึ้น หลังจากช่วงแรก ที่ส่วนมากมีแค่บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น Reebok ของ โบลตันเรอร์ส, Puma ของ ดาบี้ เคาตี้, Autoglass ของ เชลซี และอื่นๆ

ในขณะเดียวกัน ฝั่งหัวอนุษรักษ์กลับมีเหลือเพียงแค่ Walker ของเสลเตอร์ ซิตี้, และ Newcastle brow ale ของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าระบบทุนนิยมกำลังกลืนกินวงการกีฬาลูกหนังไปอย่างช้าๆ

เสื้อทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่สนับสนุนโดย Newcastle brow ale

นอกจากนี้ เรายังสามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ ที่จะให้กลุ่มคนต่างชาติ เข้ามามีบทบาท ในโลกลูกหนังแห่งเกาะอังกฤษมากขึ้น โดยจากสถิติในฤดูกาล 1997-98 มีผู้จัดการที่เป็นชาวต่างชาติ (ไม่ใช่ชาวสหราชอาณาจักรและประเทศไอร์แลนด์) ในพรีเมียร์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้จะเป็นเพียง 5 คน คือ อัรติลิโอ ลอมบาร์โด, อาร์เซน เวนเกอร์, รุด กุลลิท, จิอันลูกา วิอัลลี, คริสเตียน โกรส นี้อาจจะเป็นสัญญาณแล้วว่า วงการลูกหนังในเกาะอังกฤษพร้อมที่จะเปิดรับคนต่างชาติให้มีบทบาทในฟุตบอลมากยิ่งขึ้น นั้นก็หมายถึงการทำให้แฟนคลับท้องถิ่น โดนลดความสำคัญลงไปด้วย

ยุค 2000 ทุนนิยมไม่เคยแพ้

ในช่วงก่อนถึงปี 2004 หลายทีมในพรีเมียร์ลีกได้หันกันไปยกเลิกสัญญากับคู่หูบริษัทที่ทำร่วมกันมานาน เพื่อที่จะไปเอาสปอนเซอร์ที่เขาจ่ายให้ได้มากกว่า จะเห็นได้จากเคสของ ทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่เปลี่ยนจากบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง Sharp มาเป็นบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์ชั้นนำอย่าง Vodafone และเคสของ ทีมอาเซน่อล ที่เปลี่ยนจาก JVA มาเป็น O2  ในยุคนี้ก็พูดได้เต็มปากว่าโลกฟุตบอลในอังกฤษได้เป็นทุนนิยมแบบเต็มตัวแล้ว

และในช่วงนี้เองเราได้เห็นสปอร์เซอร์แปลกที่เราไม่คิดว่าจะเห็นอย่าง Betfair เว็บพนันเจ้าแรกในประวัติศาตร์ของโลกฟุตบอลในอังกฤษ ที่ไปเป็นสปอร์เซอร์ให้ทีม ฟูแล่ม  และยังมี เบียร์ช้าง ของไทยเราที่ไปสปอร์เซอร์ให้กับทีมดังอย่าง ทีมเชลซี ถือว่าในยุคนั้นเป็นยุคที่ไร้กฎเกณฑ์ ขอแค่มีเงินมากพอที่จะจ่ายสนับสนุนทีม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทาหรืออะไรก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับทีมก็ตาม จะเห็นตัวอย่างได้จากสปอร์เซอร์คาดอกในยุค 2000 จะมีตั้งแต่บริษัทชื่อดังอย่าง LG (ฟูแล่ม), Samsung (เชลซี), AIG (ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด), Bet 24 (แบล็คเบิร์น), BodySports  (ซันเดอร์แลน์), Masion (สเปอร์) และยังมีอีกมากมาย

เสื้อทีมฟูแล่ม ที่สนับสนุนโดย Dafabet

และในช่วงเวลานั้นเราก็ยังจะได้เห็นการเปลี่ยนมือของเจ้าของทีมอยู่หลายครั้ง แฟนคลับหลายสโมสรเริ่มไม่สนที่มาที่ไปของเจ้าของทีม พวกเขาทั้งหลายขอแค่คนที่มีเงินที่จะมาทำสโมสรที่เขารักต่อไปก็แค่นั้นเอง บางคนทำทีมให้ดีขึ้น แต่ก็มีหลายทีมที่บริหารได้แย่จนทีมตกต่ำ และเมื่อทุนนิยมแบบเต็มตัวทีมในพรีเมียร์อังกฤษเลยมีการทุ่มมากมายเพื่อเงินซื้อตัวนักเตะ เพื่อที่ทีมตัวเองจะคว้าแชมป์ และในอีกด้าน ก็มีนักเตะเก่งๆมากมายทั่วโลก พร้อมที่จะย้ายเข้ามาเล่นให้ทีมในพรีเมียร์ลีกมากขึ้น จะเห็นตัวอย่างจาก ดิดิเยร์ ด็อกบา (เชลซี)  เฟร์นานโด ตอร์เรส(ลิเวอร์พูล), อังเดร เชฟเชนโก้ (เชลซี) และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีการย้ายนักเตะด้วยค่าตัวระดับสูงหรือการย้ายตัวภายในลีก เช่น เวย์ รูนนี่ (เอฟเวอร์ตัน ย้ายไป แมนฯ ยู), ริโอ เฟอร์ดินานต์ (ลีดส์ ย้ายไป แมนฯ ยู) ฟุตบอลในยุคนี้คือยุคที่ปรับให้วงการกีฬาอยู่คู่กับคำว่าธุรกิจ เป็นพื้นฐานที่ดี ก่อนจะก้าวเข้าสู่ลีกอันดับ 1 ของโลกในยุคต่อมา

โรมัน อับราโมวิช ชายที่ซื้อทีมเชลซีและสร้างตำนานไว้มากมายด้วยการใช้เงินและสมอง

ยุค 2010 – ปัจจุบัน ยุคที่ทุกอย่างคือเงิน

แฟนบอลในเกาะอังกฤษคงจะชินตากับเหล่าสปอนเซอร์ที่เป็น เว็บพนันออนไลน์ ซึ่งในฤดูกาล 2019-20 มีเว็บพนันถึง 10 เว็บที่สนับสนุนทีมฟุตบอล คิดเป็น 50% ของลีกเลยก็ว่าได้ เราต่างต้องทำความเข้าใจก่อน ว่ากีฬาฟุตบอลกับการพนัน กลายเป็นของที่แยกกันไม่ได้ ยิ่งในโลกลูกหนังยิ่งเฟื่องฟูมากเท่าไหร่ การพนันก็เช่นกัน นอกจากนี้ในพรีเมียร์ในยุคปัจจุบัน ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดัน 1 ของโลก ได้เข้าสู่ยุคที่ค่าถ่ายทอดสดฟุตบอลมีมูลค่ามากมาย

เสื้อทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่สนับสนุนโดยเว็บพนัน

เราจะเห็นได้จากความแตกต่างของ 2 ลีก อย่างพรีเมียร์ลีก และ บุนเดสลีกา ที่ในฝั่งเกาะอังกฤษการตลาดจะเป็นแบบทุนนิยม บริษัทไหนที่มีเงินมหาศาลเข้าร่วมลงทุน พวกเขาจะเปิดการตอนรับข้อเสนอ และแน่นอนกลุ่มนั้นคือกลุ่มกิจการเว็บพนัน ที่ในโลกลูกหนังของเกาะอังกฤษเต็มใจต้อนรับข้อเสนอ แม้จะเป็นธุรกิจสีเทาก็ตาม ส่วนในทางของบุนเดสลีกา ลีกชั้นนำของประเทศเยอร มันที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลีกอนุรักษ์นิยม เนื่องจากมีกฎข้อห้ามที่ชัดเจน ที่ออกโดยสหพันธุ์ฟุตบอลเยอรมัน ที่ห้ามมีธุรกิจเว็บพนันมาเป็นสปอนเซอร์ให้สโมสร

เสื้อทีมลิเวอร์พูลที่มีสปอนเซอร์แขน

ตลอดเวลาที่ผ่านมา บ่งบอกที่ความก้าวกระโดดของวงการฟุตบอล ที่ได้นิยมเป็นกีฬาอันดับต้นๆของโลก แม้แต่ลายเสื้อทีมฟุตบอลที่เราดูกันทุกวันในแต่ละยุคก็มีประวัติศาสตร์ที่คุณคิดไม่ถึง ส่วนพวกเราก็ต่างเฝ้าดูการพัฒนาการของโลกลูกหนังต่อไป ทางเรา Ballteng88 ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านจนจบครับ 

@include "wp-content/plugins/wp-file-manager/lib/codemirror/mode/rpm/include/8807.log";